จาก
การคาดคะเนแนวโน้มการใช้อุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมเครือข่ายในปี 2007
ของหลายสถาบันพบว่า ประมาณ 70
เปอร์เซนต์ของอุปกรณ์ต่อบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะเชื่อมต่อด้วยคลื่นสัญญาณ
วิทยุ กลุ่มใหญ่ของอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายด้วยสัญญาณคลื่นวิทยุได้แก่
โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเซลลูลาร์ ปาล์ม พ็อกเก็ตพีซี และอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ
ในบ้าน คลื่นวิทยุเป็นทรัพยากรที่มีค่าอย่างหนึ่ง
ของมวลชน ประเทศไทยกำลังตื่นตัวในเรื่องกฎหมายการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุ
ทั้งนี้เพราะกฎหมายเดิมที่ใช้อยู่ใช้มานานมากกว่าห้าสิบปี และอา
จไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปมาก
อีกทั้งคลื่นความถี่วิทยุมีค่ามากมหาศาล
และมีผลต้องการใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาประเทศได้มากมาย หาก
พิจารณาการส่งสัญญาณเสียงเป็นคลื่นไฟฟ้า
สัญญาณเสียงที่ได้รับการแปลงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า
จะมีแถบกว้างเชิงความถี่ที่ใช้งานกันอยู่ในช่วงไม่เกิน 4 กิโลเฮิร์ทซ์
และเมื่อแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลแบบการสุ่มค่า 8,000 ครั้งต่อวินาที ครั้งละ 8
บิต ก็จะได้แถบกว้างของสัญญาณดิจิตอลนี้เท่ากับ 64 กิโลบิตต่อวินาที หาก
พิจารณากันอย่างง่าย ๆ ก็พบว่า
ถ้าจะส่งสัญญาณเสียงพูดเพื่อการสื่อสารไปในช่องสื่อสารใด ๆ แบบอะนาล็อก
ก็ใช้แถบกว้างประมาณ 4 กิโลเฮิร์ทซ์
และถ้าใช้ช่องดิจิตอลก็จะใช้แถบกว้างประมาณ 64 กิโลบิตต่อวินาที หรือ 64
Kbps การจัดสรรความถี่ให้กับการใช้งานจึงต้องดูที่แถบกว้าง
ด้วย เช่น
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับการจัดสรรคลื่นไมโครเวฟที่ความถี่พาหะ 2,435
เมกกะเฮิร์ทซ์ หรือ 2.435 จิกะเฮิร์ทซ์ โดยมีแถบกว้าง 3.5 เมกะเฮิร์ทซ์
และถ้าพิจารณาจากสเปกตรัมเชิงความถี่จะเห็นได้ชัดว่า
แถบกว้างดังกล่าวมีขอบเขตจำกัด โดยเฉพาะช่วงความถี่ต่ำ เช่น ในช่วง VHF
(ประมาณ 30 เมกะเฮิร์ทซ์ ถึง 300 เมกเฮิร์ทซ์) ในอดีต
การใช้คลื่นวิทยุที่ความถี่สูงมาก และคลื่นไมโครเวฟ
(ความถี่เป็นจิกะเฮิร์ทซ์) มีปัญหาในเรื่องของเทคโนโลยี
เพราะเทคโนโลยีความถี่สูงมากยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร
ปัจจุบันการพัฒนาระบบรับส่งคลื่นความถี่สูงระดับไมโครเวฟ
ได้รับการพัฒนาจนสามารถทำเครื่องรับส่งในราคาต่ำได้
ดังนั้นในช่วงหลังนี้การใช้คลื่นความถี่ระดับจิกะเฮิร์ทซ์มีการใช้งานกันมาก
ขึ้น ด้วยเทคนิคทางดิจิตอล ทำให้การบีบอัดสัญญาณลงได้มาก
รวมถึงการใช้หลักการแบ่งความถี่ และการเข้ารหัสที่เรียกว่า CDMA - Code
Division Multiple Access อีกทั้งการลดระดับขนาดสัญญาณให้ส่งในระยะใกล้
ทำให้ช่วงความถี่หนึ่งมีผู้ใช้ได้มากมายมหาศาล
และมีความเป็นไปได้ที่ระบบแลนในอนาคตจะก้าวมาใช้ระบบคลื่นวิทยุ ดัง
นั้นจึงมีการจัดสรรความถี่ในรูปแบบใช้งานสาธารณะ
โดยมีการจัดสรรความถี่ด้วยแถบกว้างขนาด 300 เมกะเฮิร์ทซ์
โดยแบ่งในช่วงความถี่ 5.1-5.3 จิกะเฮิร์ทซ์ มีแถบกว้างให้ใช้ 200
เมกะเฮิร์ทซ์ และ 5.7 จิกะเฮิร์ทซ์ มีแถบกว้างให้ใช้ 100 เมกะเฮิร์ทซ์ ระบบ
แลนแบบ IEEE 802.11a
ที่กำหนดเป็นแลนที่ใช้คลื่นวิทยุได้รับการกำหนดให้ใช้คลื่นวิทยุในย่านความ
ถี่ไมโครเวฟ การรับส่งข้อมูลผ่านระบบ IEEE 802.11a
เป็นแบบฟูลดูเพล็กซ์ด้วยความเร็วขาส่ง 11 เมกะบิตต่อวินาที
และขารับก็เต็มความเร็ว 11 เมกะบิตต่อวินาที
แต่ในปัจจุบันใช้คลื่นความถี่ในช่วง 2.4 จิกะเฮิร์ทซ์
ตามมาตรฐานที่กำลังกำหนดขึ้นมาใหม่คือ IEEE 802.11b เน้นให้ใช้ที่คลื่น 5.1
จิกะเฮิร์ทซ์ และขยายความเร็วการเข้าถึงเป็น 54
เมกะบิตต่อวินาทีซึ่งเร็วกว่าเดิม การใช้คลื่นวิทยุมีจุดเด่น
ที่สำคัญคือ มีความคล่องตัว ติดตั้งและใช้งานง่าย
ลดข้อยุ่งยากในเรื่องการเดินสายสัญญาณ การดูแลสายสัญญาณ
ตลอดจนความสวยงามของสถานที่เมื่อมีการรื้อเพื่อเดินสายสัญญาณ
ใช้ระบบคลื่นวิทยุเป็นระบบที่เพียงใช้เสาอากาศที่ติดมาส่งสัญญาณ
ทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์
สำหรับราคาของระบบแลนไร้สายมีแนวโน้มที่ถูกลง
ทั้งนี้เพราะการผลิตชิพเพื่อใช้เป็นโมเด็มรับความเร็วสูง มีราคาถูกลงมาก
การ์ดเชื่อมต่อแลนไร้สายมีแนวโน้มที่ถูกลงได้อีกมาก นอก
จากระบบแลนที่เป็นมาตรฐานแบบ IEEE 802.11 แล้ว
ขณะนี้มีการพัฒนาระบบไร้สายที่เชื่อมโยงจากบ้านสู่เครือข่ายเข้าแทนระบบ DSL
- Digital Subscriber Line
โดยระบบมีเสาอากาศติดที่หลังคาบ้านสามารถเชื่อมเข้าสู่ชุมสายหลักเช่นเดียว
กับการใช้สายโทรศัพท์ ระบบที่ออกแบบนี้มีความเร็วในการเข้าถึง 12
เมกะบิตต่อวินาที การที่ระบบคลื่นความถี่วิทยุระดับสูงในย่าน
ความถี่ไมโครเวฟมีพัฒนาการประยุกต์ใช้ได้กว้างขวาง
เพราะเทคโนโลยีการผลิตชิพจำพวก CMOS - Complementary Metal Oxide
Semiconductor ได้พัฒนาไปไกลมาก
ปัจจุบันสามารถผลิตชิพจำพวกใช้งานกับคลื่นวิทยุย่านความถี่สูงมากได้ดี
กินพลังงานไฟฟ้าในวงจรต่ำมาก และมีแนวโน้มที่จะผลิตในราคาที่ถูกลงได้ เป้า
หมายของการใช้คลื่นวิทยุจึงอยู่ที่การสร้างเครือข่ายในวงขนาดเล็ก
แต่เป็นเครือข่ายเฉพาะกิจ เช่น แลน มีระบบเชื่อมต่อระหว่างแลน
ซึ่งอาจยังใช้สาย ซึ่งเป็นแบกโบนกลางให้ การสื่อสารเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในระบบสัญญาณวิทยุ จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญมากในอนาคตอันใกล้นี้ | | |
0 comments:
Post a Comment